คำถาม
2.1 ในหลักการจะคัดกรองผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี และ สามารถทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองได้ ไม่มีภาวะพึ่งพิง
2.2 ทำการคัดกรองสุขภาพ โดยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจนับเม็ดเลือด (CBC) , ระดับน้ำตาลในเลือด (FBS), การทำงานของไต, ไขมันในเลือด, เอกซเรย์ปอด การตรวจร่างกายโดยแพทย์ และการประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน ภาวะสมอง และสุขภาพจิต
2.3 ในกรณีผู้จองสิทธิมีผลการตรวจสุขภาพประจำปีกับโรงพยาบาลที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด มาแล้วไม่เกิน 6 เดือน สามารถนำผลการตรวจร่างกายมาแสดงต่อแพทย์ที่ทำการตรวจได้ หากผลการตรวจร่างกายที่นำมาแสดงไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด แพทย์จะให้ผู้จองสิทธิรับการตรวจเพิ่มเติม
2.4 ผู้จองสิทธิจ่ายค่าตรวจคัดกรองด้านสุขภาพ ในอัตราที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด
3.1 การตรวจสุขภาพประจำปี
• ผู้พักอาศัยในโครงการจะได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี 1 ห้องต่อ 1 สิทธิ์ (คน)
• การตรวจสุขภาพประจำปีนี้แพทย์ได้คัดเลือกรายการตรวจที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุตามมาตรฐานสากลที่ได้อ้างอิงในวารสารวิชาการทางการแพทย์ระดับนานาชาติ และเหมาะสมกับผู้สูงอายุไทย ซึ่งนอกจากจะมีรายการตรวจสุขภาพทั่วไปแล้ว ยังมีรายการตรวจต่างๆ ที่จะประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพผู้สูงอายุทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น คัดกรองภาวะสมองเสื่อม ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง ความเสี่ยงในการหกล้ม โรคข้อเข่าเสื่อม ปัญหาการนอนหลับ การกลั้นปัสสาวะ ความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน การได้ยิน ภาวะซึมเศร้า การประเมินภาวะโภชนาการ การมองเห็น การได้ยิน สุขภาพปากและฟัน การตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเฉพาะสตรี (Mammogram) มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น
3.2 การจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย จะจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่พักอาศัยในโครงการต่อเนื่องตลอดทั้งปี ได้แก่ การออกกำลังกายกลุ่มที่มีผู้ฝึกสอน กิจกรรมการบรรยายกลุ่มด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพเป็นกลุ่ม เอกสารข้อมูลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ กิจกรรมกลุ่มต่างๆ เช่น โยคะ จี้กง วาดรูป ดนตรี ฯลฯ รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพอื่นๆ ตามสถานการณ์และความจำเป็น สำหรับกิจกรรมบางรายการอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มบ้างซึ่งจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
3.3 การดูแลเมื่อเจ็บป่วยฉุกเฉิน
• ในส่วนที่พักอาศัยผู้สูงอายุโครงการ รามาฯ – ธนารักษ์ จะจัดให้มีห้องพยาบาลเพื่อให้บริการระดับปฐมภูมิที่ไม่รุนแรง โดยพยาบาลวิชาชีพ/ผู้ช่วยพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง
• หากเจ็บป่วยเฉียบพลันในระดับปฐมภูมิที่ต้องการแพทย์ตรวจรักษา สามารถใช้บริการที่หน่วยบริการผู้ป่วยนอก (Extended OPD) ที่ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันได้ โดยมีค่าใช้จ่ายตามสิทธิการรักษา
• กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเร่งด่วนโดยแพทย์ สามารถเข้ารับการรักษาที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ (ห่างจากโครงการฯ ประมาณ 1 กม.) หรือโรงพยาบาลอื่นๆ ตามสิทธิของบุคคลนั้นๆ หรือกรณีที่โรงพยาบาลต้นสังกัดส่งมารับการรักษาที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ที่ต้องการความเชี่ยวชาญสูงขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายตามสิทธิ์การรักษา
3.4 การดูแลเมื่ออยู่ในภาวะพึ่งพิง
- กรณีที่ผู้สูงอายุมีภาวะต้องพึ่งพิงบ้าง แต่ยังสามารถอาศัยอยู่ในห้องพักได้โดยมีญาติหรือผู้ดูแล ศูนย์ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย จะจัดให้มีพยาบาลเยี่ยมเพื่อประเมินภาวะสุขภาพและภาวะความเป็นอยู่/สภาพแวดล้อม (Room visits) อย่างสม่ำเสมอ
- การส่งต่อผู้สูงอายุเข้าสู่ RAMA Nursing Home กรณีที่แพทย์ประเมินแล้วว่าเป็นผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องการการดูแลในระยะยาวสืบเนื่องจากความเจ็บป่วยจากโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคสมองเสื่อม โรคหัวใจ โรคปอด โรคไต หรือโรคมะเร็งในระยะท้ายของโรค โรคอัมพาต และความพิการทางสายตา เป็นต้น มีอาการป่วยไม่มากจนต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลแต่จำเป็นต้องมีผู้ดูแลบริบาลตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน ให้ได้มาตรฐานตามลักษณะของโรค มีความมั่นคง ปลอดภัย และคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจแก่ผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุในโครงการจะได้รับสิทธิการอยู่ใน RAMA Nursing Home เป็นลำดับแรกเมื่อห้องว่าง และมีสิทธิได้รับส่วนลดค่าห้อง 10% (โดยมีหลักเกณฑ์และค่าใช้จ่ายตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด) คาดว่าจะเปิดบริการ RAMA Nursing Home ในปี 2568
- การส่งต่อผู้สูงอายุเข้าสู่สถานบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย (Hospice Zone) กรณีที่แพทย์ประเมินว่าผู้สูงอายุเข้าสู่ภาวะผู้ป่วยระยะท้าย ที่คาดว่าจะเสียชีวิตภายในระยะเวลา 3 เดือน และมีอาการที่สามารถควบคุมได้ สามารถใช้บริการของสถานบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย (Hospice) ที่ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันได้ โดยจะให้ผู้ป่วยพักอาศัยในสถานที่พักที่เหมือนบ้านพร้อมกับผู้ดูแลหรือครอบครัว และได้รับการเยียวยาทั้งด้านร่างกายและจิตวิญญาณเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อช่วยในการดูแลลดอาการเจ็บปวด หรืออาการอื่นๆ เพื่อให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบในวันสุดท้ายของชีวิตโดยไม่ให้การรักษาที่ไม่จำเป็น (โดยมีหลักเกณฑ์และค่าใช้จ่ายตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด)
คำถาม
ลำดับ | ราคา (บาท) | ขนาดห้อง (ตร.ม.) | Type | จำนวนห้อง (หน่วย/ยูนิต) |
---|---|---|---|---|
1 | 1,820,000 | 31.71 | 1-1A | 190 |
2 | 1,999,999 | 31.71 | 1-1A | 79 |
1,999,999 | 31.71 | 1-1 | 398 | |
3 | 2,100,000 | 33.16 | 1-2A | 53 |
2,100,000 | 33.68 | 1-2 | 51 | |
4 | 2,800,000 | 45.72 | 2-1 | 36 |
2,800,000 | 46.48 | 2-3 | 10 | |
5 | 2,999,999 | 49.66 | 2-2 | 14 |
6 | 2,949,000 | 47.42 | 2-4 | 30 |
7 | 3,051,000 | 49.06 | 2-5 | 30 |
(1) ค่าใช้จ่ายส่วนกลางในการดูแลรักษาอาคารเริ่มต้น ประมาณเดือนละ 2,000 บาท (สองพันบาทถ้วน) ชำระเป็นรายปี กำหนดล่วงหน้า 3 ปี
(2) ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพเดือนละ 2,000 บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อท่าน ชำระเป็นรายปี กำหนดล่วงหน้า 1 ปี
(3) ผู้สูงอายุที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารพันธมิตรโครงการฯ ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน หรือ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ในลักษณะเงินฝากประจำ (Escrow Account) จำนวนเงิน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) โดยมีเงื่อนไขในการเบิกจ่ายเพื่อให้เป็นทุนสำรองในการดำรงชีพขณะอยู่ในโครงการฯ เท่านั้น และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารโครงการฯ ในการถอนหรือปิดบัญชี
(4) ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ชำระตามจริง) ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้เป็นไปตามที่ ธพส. และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารโครงการฯ โดยสงวนสิทธิในการปรับปรุงค่าใช้จ่าย ดังกล่าวให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
แบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย
(1) ระยะเวลาในการสร้างโครงการ 18 เดือน หลัง ครม.อนุมัติ
(2) ระยะเวลาในการบริหารโครงการฯ 30 ปี
(1) มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 58 (ห้าสิบแปด) ปี ณ วันที่จองสิทธิ
และหรือมีอายุตั้งแต่ 60 (หกสิบ) ปีขึ้นไป ณ วันที่เข้าพักอาศัยจริง
(2) มีสุขภาพแข็งแรง ช่วยเหลือพึ่งพาตัวเองได้ดี
ไม่มีโรคหรืออาการของโรคอันเป็นอุปสรรคในการเข้าพักอาศัยภายในโครงการฯ
ตามความเห็นของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
(3) สามารถยอมรับเงื่อนไขค่าใช้จ่ายตามที่โครงการฯ กำหนด
หรือยอมรับเงื่อนไขการขอสินเชื่อจากธนาคารที่เข้าร่วมโครงการฯ
(1) กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
สามารถใช้บริการของสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์หรือโรงพยาบาลอื่นๆ
ตามสิทธิของบุคคลนั้นๆ
หรือหากเจ็บป่วยในระดับปฐมภูมิสามารถใช้บริการห้องตรวจผู้ป่วยนอก (Extended OPD)
ที่ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย
(มีค่าใช้จ่ายตามสิทธิการรักษา)
(2) โครงการฯ มีการจัดทำโครงการส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ โดยใช้ระบบสมาชิก
(Member) หรือ รูปแบบผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Health Package)
ให้เลือกตามค่าใช้จ่ายที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล รามาธิบดี
โดยศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้ายกำหนด
(3) เมื่อเข้าสู่ภาวะต้องพึ่งพิงหรือติดเตียงและเป็นผู้ป่วยระยะท้าย
สามารถใช้บริการ Nursing Home Zone
(พื้นที่ส่วนให้การดูแลสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการการพักฟื้นและฟื้นฟูสุขภาพ)
บริหารโดยคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และ Hospice Zone
(พื้นที่ส่วนให้การดูแลผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยระยะท้าย)
บริหารโดยศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย
โดยมีหลักเกณฑ์และค่าใช้จ่ายตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด
(4) สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพอื่นๆ ตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด
ผู้สนใจจะต้องจัดเตรียมเอกสารหลักฐาน (pdf file) ประกอบด้วย
(1) สำเนาบัตรประชาชน
(2) สำเนาใบเปลี่ยนชื่อสกุล (ถ้ามี)
(3) เอกสารอื่นๆ ซึ่งทางราชการขอให้จัดส่งเพิ่มเติม หรือใช้ประกอบการ upload
ในระบบจองสิทธิ (จะแจ้งให้ทราบก่อน)
ธพส. โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารโครงการฯ
จะดำเนินการพิจารณาคัดเลือกผู้สูงอายุตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) ผู้สูงอายุจะต้องมีคุณสมบัติตามที่โครงการฯ กำหนด
โดยเริ่มพิจารณาผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 58 (ห้าสิบแปด) ปี ขึ้นไป
ที่ได้แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านระบบจองสิทธิในช่องทางต่างๆ
ที่คณะกรรมการบริหารโครงการฯ กำหนด
(2) มีความสามารถทางการเงินในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในการพักอาศัยภายในโครงการฯ
และหรือสามารถรับเงื่อนไขการขอสินเชื่อกับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการฯ
(เฉพาะกรณีที่ผู้สูงอายุหรือบุตรหลานมีความประสงค์ขอรับสินเชื่อ)
และมีรายได้หลังเกษียณอย่างน้อย 30,000 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) ต่อเดือน
โดยอาจเป็นรายได้โดยตรงของผู้สูงอายุ เช่น เงินบำนาญ เงินฝาก เงินออม หรือ
เงินสนับสนุนจากบุตรหลาน
(3) สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ไม่มีโรคหรืออาการของโรคอันเป็นอุปสรรคต่อการเข้าพักภายในโครงการฯ
และจะต้องยินยอมให้คัดกรองสุขภาพตามหลักเกณฑ์ที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล
รามาธิบดีกำหนดก่อน จึงจะสามารถเข้าพักอาศัยในโครงการฯ ทั้งนี้
รายละเอียดการเข้ารับการคัดกรองสุขภาพ วัน เวลา และสถานที่
คณะกรรมการบริหารโครงการฯ จะประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
(4) สามารถทำสัญญาภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
ธพส. จะแจ้งให้ผู้สูงอายุแต่ละรายทราบเมื่อโครงการฯ
ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมส่งมอบห้องพักให้ผู้สูงอายุตามที่ได้จองสิทธิไว้
โดยผู้สูงอายุมีหน้าที่ในการดูแลรักษาห้องพักดั่งวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง
ตลอดจนมีหน้าที่ในการชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าส่วนกลาง
ค่าดูแลสุขภาพตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด
ค่าใช้จ่ายอื่นระหว่างที่พักในโครงการฯ ด้วยตัวเอง ซึ่ง ธพส.
จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบโดยทั่วกัน ทั้งนี้
จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางการแพทย์ตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด
และเพื่อให้โครงการ “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาฯ – ธนารักษ์”
เป็นโครงการต้นแบบในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุแบบองค์รวม
จึงกำหนดให้โครงการ “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาฯ –
ธนารักษ์” เป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งโครงการ
(พื้นที่ภายในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง)
ผู้สูงอายุในโครงการฯ สามารถออกจากโครงการฯ ได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เสียชีวิต โดยคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายที่อาศัยอยู่ร่วมกัน มีอายุ 60 (หกสิบ)
ปีขึ้นไป และมี
สภาวะสุขภาพตามหลักเกณฑ์ที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนดเท่านั้น สามารถ
ที่จะพักอาศัยในโครงการฯ ต่อไปได้จนครบอายุสัญญา
(2) ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพทรุดลงและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
ต้องย้ายออกจากโครงการฯ ตามเกณฑ์ที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด อนึ่ง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการส่งต่อผู้สูงอายุ (Discharge)
ไปยังศูนย์เรียนรู้และพัฒนา สุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย
(Hospice Zone) และพื้นที่สำหรับ ผู้สูงอายุที่ต้องการการพักฟื้นและฟื้นฟูสุขภาพ
(Nursing Home Zone) ให้เป็นไปตามที่คณะ แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด
(3) ประสงค์จะออกจากโครงการฯ ก่อนกำหนด โดยแจ้งความประสงค์ต่อผู้บริหารโครงการฯ
ทั้งนี้ สิทธิการพักอาศัยจะถูกระงับทันทีโดยไม่ตกทอดแก่ทายาท
และผู้สูงอายุหรือทายาทสามารถ ขายสิทธิคืนให้กับผู้บริหารโครงการฯ เท่านั้น
โดยจะพิจารณาคืนเงินเป็นจำนวนร้อยละของราคา
ห้องพักอาศัยตามข้อตกลงที่กำหนดและจะคืนเงินให้ภายหลังจากที่หาผู้เข้าพักอาศัยรายใหม่ได้แล้ว