Background

FAQ

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ "โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาฯ – ธนารักษ์”

คำถาม

ด้านสุขภาพ

  • โครงการนี้มีความมุ่งหวังที่จะสร้างชุมชนของผู้สูงอายุที่มีชีวิตชีวา ไม่เงียบเหงา ผู้พักอาศัยได้มีปฏิสัมพันธ์กันเชิงสังคม คาดหวังว่าจะมีผู้สูงอายุอยู่อาศัยในสถานที่นี้จำนวนมากเพียงพอ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง
  • การออกแบบโครงการในเชิงสถาปัตยกรรมที่มีความเหมาะสมกับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ มีนโยบายปลอดบุหรี่ทั้งโครงการ (พื้นที่พักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลาง) และยังได้จัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น สระว่ายน้ำ คลับเฮ้าส์ ฟิตเนส ห้องพยาบาล การเชื่อมต่อสัญญาณจากห้องพักไปที่ห้องพยาบาลเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
  • เป็นโครงการที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี สามารถเคลื่อนไหวมีปฏิสัมพันธ์เชิงสังคม ยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง ไปทำงานได้ ไปข้างนอกได้ ขับรถได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้ต้องมีการตรวจคัดกรองสุขภาพว่ามีสุขภาพแข็งแรงไม่มีภาวะพึ่งพิง

2.1 ในหลักการจะคัดกรองผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี และ สามารถทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองได้ ไม่มีภาวะพึ่งพิง

2.2 ทำการคัดกรองสุขภาพ โดยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจนับเม็ดเลือด (CBC) , ระดับน้ำตาลในเลือด (FBS), การทำงานของไต, ไขมันในเลือด, เอกซเรย์ปอด การตรวจร่างกายโดยแพทย์ และการประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน ภาวะสมอง และสุขภาพจิต

2.3 ในกรณีผู้จองสิทธิมีผลการตรวจสุขภาพประจำปีกับโรงพยาบาลที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด มาแล้วไม่เกิน 6 เดือน สามารถนำผลการตรวจร่างกายมาแสดงต่อแพทย์ที่ทำการตรวจได้ หากผลการตรวจร่างกายที่นำมาแสดงไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด แพทย์จะให้ผู้จองสิทธิรับการตรวจเพิ่มเติม

2.4 ผู้จองสิทธิจ่ายค่าตรวจคัดกรองด้านสุขภาพ ในอัตราที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด

3.1 การตรวจสุขภาพประจำปี

• ผู้พักอาศัยในโครงการจะได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี 1 ห้องต่อ 1 สิทธิ์ (คน)

• การตรวจสุขภาพประจำปีนี้แพทย์ได้คัดเลือกรายการตรวจที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุตามมาตรฐานสากลที่ได้อ้างอิงในวารสารวิชาการทางการแพทย์ระดับนานาชาติ และเหมาะสมกับผู้สูงอายุไทย ซึ่งนอกจากจะมีรายการตรวจสุขภาพทั่วไปแล้ว ยังมีรายการตรวจต่างๆ ที่จะประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพผู้สูงอายุทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น คัดกรองภาวะสมองเสื่อม ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง ความเสี่ยงในการหกล้ม โรคข้อเข่าเสื่อม ปัญหาการนอนหลับ การกลั้นปัสสาวะ ความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน การได้ยิน ภาวะซึมเศร้า การประเมินภาวะโภชนาการ การมองเห็น การได้ยิน สุขภาพปากและฟัน การตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเฉพาะสตรี (Mammogram) มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

3.2 การจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย จะจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่พักอาศัยในโครงการต่อเนื่องตลอดทั้งปี ได้แก่ การออกกำลังกายกลุ่มที่มีผู้ฝึกสอน กิจกรรมการบรรยายกลุ่มด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพเป็นกลุ่ม เอกสารข้อมูลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ กิจกรรมกลุ่มต่างๆ เช่น โยคะ จี้กง วาดรูป ดนตรี ฯลฯ รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพอื่นๆ ตามสถานการณ์และความจำเป็น สำหรับกิจกรรมบางรายการอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มบ้างซึ่งจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

3.3 การดูแลเมื่อเจ็บป่วยฉุกเฉิน

• ในส่วนที่พักอาศัยผู้สูงอายุโครงการ รามาฯ – ธนารักษ์ จะจัดให้มีห้องพยาบาลเพื่อให้บริการระดับปฐมภูมิที่ไม่รุนแรง โดยพยาบาลวิชาชีพ/ผู้ช่วยพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง

• หากเจ็บป่วยเฉียบพลันในระดับปฐมภูมิที่ต้องการแพทย์ตรวจรักษา สามารถใช้บริการที่หน่วยบริการผู้ป่วยนอก (Extended OPD) ที่ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันได้ โดยมีค่าใช้จ่ายตามสิทธิการรักษา

• กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเร่งด่วนโดยแพทย์ สามารถเข้ารับการรักษาที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ (ห่างจากโครงการฯ ประมาณ 1 กม.) หรือโรงพยาบาลอื่นๆ ตามสิทธิของบุคคลนั้นๆ หรือกรณีที่โรงพยาบาลต้นสังกัดส่งมารับการรักษาที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ที่ต้องการความเชี่ยวชาญสูงขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายตามสิทธิ์การรักษา

3.4 การดูแลเมื่ออยู่ในภาวะพึ่งพิง

- กรณีที่ผู้สูงอายุมีภาวะต้องพึ่งพิงบ้าง แต่ยังสามารถอาศัยอยู่ในห้องพักได้โดยมีญาติหรือผู้ดูแล ศูนย์ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย จะจัดให้มีพยาบาลเยี่ยมเพื่อประเมินภาวะสุขภาพและภาวะความเป็นอยู่/สภาพแวดล้อม (Room visits) อย่างสม่ำเสมอ

- การส่งต่อผู้สูงอายุเข้าสู่ RAMA Nursing Home กรณีที่แพทย์ประเมินแล้วว่าเป็นผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องการการดูแลในระยะยาวสืบเนื่องจากความเจ็บป่วยจากโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคสมองเสื่อม โรคหัวใจ โรคปอด โรคไต หรือโรคมะเร็งในระยะท้ายของโรค โรคอัมพาต และความพิการทางสายตา เป็นต้น มีอาการป่วยไม่มากจนต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลแต่จำเป็นต้องมีผู้ดูแลบริบาลตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน ให้ได้มาตรฐานตามลักษณะของโรค มีความมั่นคง ปลอดภัย และคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจแก่ผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุในโครงการจะได้รับสิทธิการอยู่ใน RAMA Nursing Home เป็นลำดับแรกเมื่อห้องว่าง และมีสิทธิได้รับส่วนลดค่าห้อง 10% (โดยมีหลักเกณฑ์และค่าใช้จ่ายตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด) คาดว่าจะเปิดบริการ RAMA Nursing Home ในปี 2568

- การส่งต่อผู้สูงอายุเข้าสู่สถานบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย (Hospice Zone) กรณีที่แพทย์ประเมินว่าผู้สูงอายุเข้าสู่ภาวะผู้ป่วยระยะท้าย ที่คาดว่าจะเสียชีวิตภายในระยะเวลา 3 เดือน และมีอาการที่สามารถควบคุมได้ สามารถใช้บริการของสถานบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย (Hospice) ที่ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันได้ โดยจะให้ผู้ป่วยพักอาศัยในสถานที่พักที่เหมือนบ้านพร้อมกับผู้ดูแลหรือครอบครัว และได้รับการเยียวยาทั้งด้านร่างกายและจิตวิญญาณเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อช่วยในการดูแลลดอาการเจ็บปวด หรืออาการอื่นๆ เพื่อให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบในวันสุดท้ายของชีวิตโดยไม่ให้การรักษาที่ไม่จำเป็น (โดยมีหลักเกณฑ์และค่าใช้จ่ายตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด)

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีไม่มีนโยบายโอนย้ายสิทธิประกันสุขภาพใดๆ ได้แก่ สิทธิประกันสังคม สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า มาที่สถานพยาบาลของคณะฯ ส่วนข้าราชการและครอบครัวที่ใช้สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของกรมบัญชีกลางสามารถเลือกสถานบริการได้ตามประสงค์

คำถาม

ด้านโครงการ “รามาฯ – ธนารักษ์”

ดำเนินการออกแบบโครงการฯ ตามหลักสถาปัตยกรรมเพื่อทุกคน (Universal Design Architecture) ซึ่งคำนึงถึงสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ภายใต้การ กำกับดูแลของกรมธนารักษ์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยโครงการฯ ระยะที่ 1 มีห้องพักรวมทั้งสิ้น 891 ห้อง ขนาดห้อง 31.71 ตารางเมตร – 49.66 ตารางเมตร ต่อห้อง เป็นอาคาร 8 ชั้น จำนวน 7 อาคาร พร้อมห้องพยาบาลประจำตึก พื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่จัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ ได้แก่ สระว่ายน้ำ อาคาร Club House ห้องฟิตเนส เป็นต้น
เพื่อให้ส่วนที่พักอาศัย มีมาตรฐาน มีสภาพแวดล้อมภายนอกและภายในของห้องพักมีความเหมาะสมต่อผู้สูงอายุมากที่สุด โดยกรมธนารักษ์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ควบคุม/อนุมัติการออกแบบดังกล่าว ให้เป็นไปตามหลักวิชาการทั้งด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการดูแลผู้สูงอายุ
ผู้ออกแบบต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ทักษะ และประสบการณ์เฉพาะด้านเกี่ยวกับโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ หรือโรงพยาบาล หรือศูนย์สุขภาพ หรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรืออาคารที่พักอาศัยรวมในลักษณะดังกล่าวเป็นอย่างน้อย และจะต้องสามารถดำเนินการออกแบบภายใต้หลักสถาปัตยกรรมเพื่อทุกคน (Universal Design) ดังนั้น ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว กรมธนารักษ์จึงเป็นต้องจัดจ้างออกแบบด้วยวิธีคัดเลือกตามระเบียบพัสดุ โดยได้พิจารณาคัดเลือกบริษัท สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ จำกัด เป็นผู้ออกแบบโครงการฯ
ขนาดห้องชุดและระดับราคา มี 7 ระดับราคา ดังนี้
ลำดับ ราคา (บาท) ขนาดห้อง (ตร.ม.) Type จำนวนห้อง (หน่วย/ยูนิต)
1 1,820,000 31.71 1-1A 190
2 1,999,999 31.71 1-1A 79
1,999,999 31.71 1-1 398
3 2,100,000 33.16 1-2A 53
2,100,000 33.68 1-2 51
4 2,800,000 45.72 2-1 36
2,800,000 46.48 2-3 10
5 2,999,999 49.66 2-2 14
6 2,949,000 47.42 2-4 30
7 3,051,000 49.06 2-5 30

(1) ค่าใช้จ่ายส่วนกลางในการดูแลรักษาอาคารเริ่มต้น ประมาณเดือนละ 2,000 บาท (สองพันบาทถ้วน) ชำระเป็นรายปี กำหนดล่วงหน้า 3 ปี

(2) ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพเดือนละ 2,000 บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อท่าน ชำระเป็นรายปี กำหนดล่วงหน้า 1 ปี

(3) ผู้สูงอายุที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารพันธมิตรโครงการฯ ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน หรือ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ในลักษณะเงินฝากประจำ (Escrow Account) จำนวนเงิน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) โดยมีเงื่อนไขในการเบิกจ่ายเพื่อให้เป็นทุนสำรองในการดำรงชีพขณะอยู่ในโครงการฯ เท่านั้น และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารโครงการฯ ในการถอนหรือปิดบัญชี

(4) ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ชำระตามจริง) ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้เป็นไปตามที่ ธพส. และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารโครงการฯ โดยสงวนสิทธิในการปรับปรุงค่าใช้จ่าย ดังกล่าวให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ธพส. จะเป็นผู้แจ้งรายละเอียดจำนวนเงิน วิธีการ และช่องทางการชำระเงินให้ผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิแต่ละท่านต่อไป
ธพส. จะเป็นผู้แจ้งรายละเอียดการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ทราบโดยทั่วกันต่อไป
ประมาณตารางเมตรละ 60,000 บาท (เฉลี่ย)
ประมาณ 971 ล้านบาท (Housing Zone)
ประมาณ 1,400 ล้านบาท (Housing Zone + Commercial Zone)

แบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย
(1) ระยะเวลาในการสร้างโครงการ 18 เดือน หลัง ครม.อนุมัติ
(2) ระยะเวลาในการบริหารโครงการฯ 30 ปี

(1) มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 58 (ห้าสิบแปด) ปี ณ วันที่จองสิทธิ และหรือมีอายุตั้งแต่ 60 (หกสิบ) ปีขึ้นไป ณ วันที่เข้าพักอาศัยจริง
(2) มีสุขภาพแข็งแรง ช่วยเหลือพึ่งพาตัวเองได้ดี ไม่มีโรคหรืออาการของโรคอันเป็นอุปสรรคในการเข้าพักอาศัยภายในโครงการฯ
ตามความเห็นของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
(3) สามารถยอมรับเงื่อนไขค่าใช้จ่ายตามที่โครงการฯ กำหนด หรือยอมรับเงื่อนไขการขอสินเชื่อจากธนาคารที่เข้าร่วมโครงการฯ

(1) กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถใช้บริการของสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์หรือโรงพยาบาลอื่นๆ ตามสิทธิของบุคคลนั้นๆ หรือหากเจ็บป่วยในระดับปฐมภูมิสามารถใช้บริการห้องตรวจผู้ป่วยนอก (Extended OPD) ที่ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย (มีค่าใช้จ่ายตามสิทธิการรักษา)
(2) โครงการฯ มีการจัดทำโครงการส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ โดยใช้ระบบสมาชิก (Member) หรือ รูปแบบผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Health Package) ให้เลือกตามค่าใช้จ่ายที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล รามาธิบดี โดยศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้ายกำหนด
(3) เมื่อเข้าสู่ภาวะต้องพึ่งพิงหรือติดเตียงและเป็นผู้ป่วยระยะท้าย สามารถใช้บริการ Nursing Home Zone (พื้นที่ส่วนให้การดูแลสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการการพักฟื้นและฟื้นฟูสุขภาพ) บริหารโดยคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และ Hospice Zone (พื้นที่ส่วนให้การดูแลผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยระยะท้าย) บริหารโดยศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย โดยมีหลักเกณฑ์และค่าใช้จ่ายตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด
(4) สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพอื่นๆ ตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด

ผู้ได้รับสิทธิอยู่อาศัยจะต้องพักอาศัยในโครงการฯ ตามระยะเวลาและหลักเกณฑ์ที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีซึ่งจะประกาศให้ทราบต่อไป
การจองสิทธิไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และลำดับในการจองไม่มีผลต่อการเลือกห้อง ชั้น และอาคาร

ผู้สนใจจะต้องจัดเตรียมเอกสารหลักฐาน (pdf file) ประกอบด้วย
(1) สำเนาบัตรประชาชน
(2) สำเนาใบเปลี่ยนชื่อสกุล (ถ้ามี)
(3) เอกสารอื่นๆ ซึ่งทางราชการขอให้จัดส่งเพิ่มเติม หรือใช้ประกอบการ upload ในระบบจองสิทธิ (จะแจ้งให้ทราบก่อน)

ธพส. โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารโครงการฯ จะดำเนินการพิจารณาคัดเลือกผู้สูงอายุตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) ผู้สูงอายุจะต้องมีคุณสมบัติตามที่โครงการฯ กำหนด โดยเริ่มพิจารณาผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 58 (ห้าสิบแปด) ปี ขึ้นไป ที่ได้แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านระบบจองสิทธิในช่องทางต่างๆ ที่คณะกรรมการบริหารโครงการฯ กำหนด
(2) มีความสามารถทางการเงินในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการพักอาศัยภายในโครงการฯ และหรือสามารถรับเงื่อนไขการขอสินเชื่อกับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการฯ (เฉพาะกรณีที่ผู้สูงอายุหรือบุตรหลานมีความประสงค์ขอรับสินเชื่อ) และมีรายได้หลังเกษียณอย่างน้อย 30,000 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) ต่อเดือน โดยอาจเป็นรายได้โดยตรงของผู้สูงอายุ เช่น เงินบำนาญ เงินฝาก เงินออม หรือ เงินสนับสนุนจากบุตรหลาน
(3) สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีโรคหรืออาการของโรคอันเป็นอุปสรรคต่อการเข้าพักภายในโครงการฯ และจะต้องยินยอมให้คัดกรองสุขภาพตามหลักเกณฑ์ที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล รามาธิบดีกำหนดก่อน จึงจะสามารถเข้าพักอาศัยในโครงการฯ ทั้งนี้ รายละเอียดการเข้ารับการคัดกรองสุขภาพ วัน เวลา และสถานที่ คณะกรรมการบริหารโครงการฯ จะประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
(4) สามารถทำสัญญาภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด

ธพส. โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารโครงการฯ จะเป็นผู้ดำเนินการจับสลากห้องพักให้กับผู้ที่ผ่านการตรวจสอบเอกสาร ทั้งนี้ การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารโครงการฯ ถือเป็นที่สุด
สามารถเรียกเก็บเพิ่มขึ้นได้ โดยทางสงวนสิทธิในการปรับปรุงค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ธพส. จะแจ้งให้ผู้สูงอายุแต่ละรายทราบเมื่อโครงการฯ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมส่งมอบห้องพักให้ผู้สูงอายุตามที่ได้จองสิทธิไว้ โดยผู้สูงอายุมีหน้าที่ในการดูแลรักษาห้องพักดั่งวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง ตลอดจนมีหน้าที่ในการชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าส่วนกลาง ค่าดูแลสุขภาพตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด ค่าใช้จ่ายอื่นระหว่างที่พักในโครงการฯ ด้วยตัวเอง ซึ่ง ธพส. จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบโดยทั่วกัน ทั้งนี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางการแพทย์ตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด และเพื่อให้โครงการ “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาฯ – ธนารักษ์” เป็นโครงการต้นแบบในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุแบบองค์รวม
จึงกำหนดให้โครงการ “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาฯ – ธนารักษ์” เป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งโครงการ (พื้นที่ภายในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง)

พื้นที่ภายในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางทั้งโครงการ

ผู้สูงอายุในโครงการฯ สามารถออกจากโครงการฯ ได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เสียชีวิต โดยคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายที่อาศัยอยู่ร่วมกัน มีอายุ 60 (หกสิบ) ปีขึ้นไป และมี สภาวะสุขภาพตามหลักเกณฑ์ที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนดเท่านั้น สามารถ ที่จะพักอาศัยในโครงการฯ ต่อไปได้จนครบอายุสัญญา
(2) ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพทรุดลงและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ต้องย้ายออกจากโครงการฯ ตามเกณฑ์ที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด อนึ่ง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการส่งต่อผู้สูงอายุ (Discharge) ไปยังศูนย์เรียนรู้และพัฒนา สุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย (Hospice Zone) และพื้นที่สำหรับ ผู้สูงอายุที่ต้องการการพักฟื้นและฟื้นฟูสุขภาพ (Nursing Home Zone) ให้เป็นไปตามที่คณะ แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด
(3) ประสงค์จะออกจากโครงการฯ ก่อนกำหนด โดยแจ้งความประสงค์ต่อผู้บริหารโครงการฯ ทั้งนี้ สิทธิการพักอาศัยจะถูกระงับทันทีโดยไม่ตกทอดแก่ทายาท และผู้สูงอายุหรือทายาทสามารถ ขายสิทธิคืนให้กับผู้บริหารโครงการฯ เท่านั้น โดยจะพิจารณาคืนเงินเป็นจำนวนร้อยละของราคา ห้องพักอาศัยตามข้อตกลงที่กำหนดและจะคืนเงินให้ภายหลังจากที่หาผู้เข้าพักอาศัยรายใหม่ได้แล้ว

ผู้สูงอายุหรือทายาทสามารถขายสิทธิคืนให้กับผู้บริหารโครงการฯ เท่านั้น โดยจะพิจารณาคืนเงินเป็นจำนวนร้อยละของราคาห้องพักอาศัยตามข้อตกลงที่กำหนดและจะคืนเงินให้ภายหลังจากที่หา ผู้เข้าพักอาศัยรายใหม่ได้แล้ว